หนังชีวประวัติ นักร้องเจ้าของรางวัลแกรมมี่จากผลงานการแสดงละครเวทีบรอดเวย์ โดยชื่อของหนังก็ได้ตั้งมาจากชื่อเพลง ที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จัก I AM WOMAN นั่นเอง ทุกวันนี้บรรดาสตรีต่างต้องผ่านการต่อสู้เพื่อให้ข้อเรียกร้องของพวกเธอได้รับการรับรองทางกฎหมายโดยหนึ่งในการเรียกร้องที่สำคัญหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์คือการเดินขบวนของเหล่าสตรีในอเมริกาในยุค 70s เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศในรัฐธรรมนูญและในมุมหนึ่งของประวัติศาสตร์ก็มีเพลงI AM WOMAN ของ เฮเลน เรดดี นักร้องสาวชาวออสเตรเลียที่ได้มีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่กว่าจะได้เพลงนี้หนทางการต่อสู้ของเธอก็ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ

เฮเลน เรดดี
เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1941 เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง ชาวออสเตรเลีย/อเมริกัน เธอได้รับรางวัลแกรมมี่จากการแสดงละครเวทีในบรอดเวย์ เธอมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ และได้เครดิตในการเขียนเพลง และผลงานที่เป็นที่รู้จักคือผลงานเพลงที่ชื่อ”I Am Woman”ในช่วงทศวรรษ 1970
เรดดี เป็นหนึ่งในนักร้องหญิงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในช่วงยุค 1970 เธอมีผลงานที่มียอดขายในระดับแผ่นเสียงทองคำ รวมถึงซิงเกิลอันดับ 1 ถึง 9 ซิงเกิล และมี 15 ซิงเกิลที่ติดใน 40 อันดับแรกของชาร์ทซิงเกิลในบิลบอร์ดฮ็อต 100 ชาร์ท เธอมียอดขายอัลบั้มมากกว่า 25 ล้านชุด และ 10 ล้านชุดซิงเกิล ทั่วโลก เธอเป็นนักร้องชาวออสเตรเลียคนแรกที่มีซิงเกเลติดอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งได้รับรางวัลแกรมมี่ และเธอมีรายการวาไรตี้โชว์ของเธอเองทางโทรทัศน์อเมริกา
งานเพลงของเธอที่มีชื่อว่า “I Am Woman” กลายมาเป็นเพลงสำคัญของกลุ่มเคลื่อนไหวสตรีนิยม (feminist)
เธอเกิดในออสเตรเลีย แต่ต่อมาได้โอนสัญชาติมาเป็นพลเมืองอเมริกันในปี 1974[1] เธอเลิกลาจากการแสดงคอนเสิร์ตและบันทึกเสียงในปี 2002 และย้ายมาอยู่ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย
เธอติดอยู่ใน ฮอลออฟเฟม จัดโดย Australian Recording Industry Association (ARIA) ในปี 2006

เริ่มเล่าเรื่องราวด้วยเหตุการณ์
เฮเลน เรดดี (ทิลดา คอบแฮม – เฮอร์วีย์) ที่ตัดสินใจหอบลูกสาวข้ามทวีปจากออสเตรเลียสู่นิวยอร์กเพื่อตะกายดาวสู่การเป็นนักร้องแต่กลับลงเอยด้วยการเป็นนักร้องต่างด้าวในบาร์ที่ได้รับค่าแรงต่ำ จนโชคชะตาพาให้เธอรู้จักกับ ลิเลียน ร็อกซอน (แดเนียล แมคโดนัลด์) นักเขียนที่กำลังหมกมุ่นกับการทำสารานุกรมร็อกที่ได้กลายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอที่อเมริกา พร้อมการเข้ามาของ เจฟฟ์ วาล์ด (อีแวน ปีเตอร์ส) หนุ่มหล่อที่ได้กลายเป็นสามีและผู้จัดการของเธอ
หลังเฮเลนและเจฟฟ์ได้ย้ายไปที่ลอสแองเจลลิสเพื่อเริ่มงานสายดนตรี อุปสรรคก็เข้ามาไม่หยุดหย่อนทั้งเจ้าของค่ายเพลงที่ปฏิเสธไม่ยอมให้เธอได้ออดิชันรวมถึงมีปากเสียงกับสามีหลายครั้ง ไปพร้อมกับกระแสการเรียกร้องสิทธิสตรีในรัฐธรรมนูญที่กำลังคุกรุ่น เฮเลนตัดสินใจแต่งเพลงI AM WOMAN เพื่อเฉลิมฉลองบทบาทของผู้หญิงแต่เจ้าของค่ายเพลงกลับมองว่าเป็นเพลงเกลียดผู้ชายและไม่ยอมนำมาโปรโมต
แต่ด้วยลูกบ้าของเธอและสามีก็ทำให้เพลงนี้ได้เข้าไป อยู่ในใจผู้หญิงทุกคนจนหน้าที่การงานของเธอเริ่มดีขึ้น แต่ความสำเร็จก็ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนเพราะเธอต้องเผชิญปัญหาครอบครัวที่ชื่อเสียงและรางวัลต่าง ๆ ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเธอมีความสุขอย่างแท้จริง
สำหรับI AM WOMAN หากมองด้วยแว่นของหนังประวัติศิลปินแล้วมันอาจไม่ได้แปลกใหม่มาก แต่ด้วยพลังของเรื่องราวเบื้องหลังเพลงสำคัญในการเรียกร้องสิทธิสตรีตามชื่อเรื่องก็ทำให้มันเอื้ออำนวยต่อการใส่เพลงดัง ๆ ของเฮเลน เรดดี เข้ามาประกอบในหนังได้อย่างลงตัวไปกับเรื่องราวชีวิตที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคของเธอในวงการเพลง
โดยมันตั้งใจบันทึกเรื่องราวชีวิตของเฮเลน เรดดีที่เกี่ยวพันกับบุคคลสำคัญ 2 คนเป็นหลักได้แก่ ลิเลียน ร็อกซอน และเจฟฟ์ วอล์ด โดยลิเลียนเป็นนักเขียนที่ได้กลายเป็นความผูกพันระหว่างเพื่อนสาวที่ต่างส่งเสริมกันและกัน และในทางประวัติศาสตร์ ตัวลิเลียนเองก็ได้เขียนสารานุกรมร็อก ที่ได้กลายเป็น ตำนานหน้าหนึ่งในวงการเพลง ซึ่งเฮเลน ถือว่าเธอเป็นเพื่อนตายและเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จโดยหลักฐานสำคัญคือคำนำหลังปกแผ่นเสียงที่ลิเลียนเขียนถึงเฮเลนอย่างยิ่งใหญ่

ส่วนตัวละครสมทบที่ดูมีบทบาทที่สุดหนีไม่พ้น เจฟฟ์ วอล์ด สามีและผู้จัดการศิลปินของเธอที่เข้ามามีบทบาทตั้งแต่เริ่มแรกตอนเฮเลนมาที่อเมริกาใหม่ ๆ ซึ่งเป็นทั้งคนที่ผลักดันให้เฮเลนประสบความสำเร็จและยังเป็นคนที่พาชีวิตเธอดิ่งลงเหวในท้ายที่สุดด้วย ซึ่งถือเป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นถึงอุปสรรคของเฮเลนท้ังในฐานะผู้หญิงและภรรยาที่ต้องการความเท่าเทียมในบ้านแต่ก็ต้องต่อสู้กับอคติทางเพศที่ฝังรากลึกแถมยังจำเป็นต่อการโน้มน้าวให้เจ้าของค่ายเพลงที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายได้ให้โอกาสเธออีกที
ซึ่งในส่วนนี้ ต้องบอกว่าหนังเอง ก็ไม่ได้เล่าเรื่องราว แบบละเมอเพ้อพก จนเกินไป มันมีซีน ที่ทำให้เราเห็นถึง ความมุ่งมั่นของเฮเลน ถึงขั้นขังสามีในห้องเพื่อโทรศัพท์ หาค่ายเพลงให้ได้ซึ่งการแสดงของทั้ง ทิลดา ค็อบแฮม-เฮอร์วีย์ และ อีแวน ปีเตอร์ส ในซีนนี้คือดีงามมากเพราะ ในขณะที่เราเห็นฝ่ายชายระเบิดอารมณ์ใส่เมียก่อนหน้านี้ ฉากนี้เหมือนฉากที่ผู้หญิงคนหนึ่งทั้งในฐานะคนทำงานและเมียกำลังเรียกร้องสิ่งที่ตัวเองพึงจะได้
และคงไม่เกินไปนักถ้าจะใช้คำว่าคู่เวรคู่กรรม กับทั้งเฮเลนและเจฟฟ์เพราะในขณะที่ทั้งคู่รักกันมากแต่ก็เดินไปสู่จุดที่ทำลายกันและกันได้อย่างแหลกลาญ เช่นกัน ซึ่งในส่วนชีวิตคู่ที่หนังเน้นหนักไม่แพ้เรื่องราวในวงการเพลงของเฮเลนได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลงานเพลงของเธอดูมีความหมายและทำให้เห็นว่าทำไมเพลงของเฮเลนมีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของสตรีอย่างยิ่ง
ซึ่งสำหรับผลงานเพลงของเฮเลน เรดดี้ ในหนังก็เรียกได้ว่าขนเพลงเพราะ ๆ มาอย่างจุใจ ในแง่หนึ่งหากหนังเอาเพลงมาประกอบแบบมิวสิกวีดีโอส่วนตัวคงไม่ปลื้มนักแต่จากหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เห็นตรงหน้ามันถูกนำมาใช้บอกเล่าช่วงชีวิตระหว่างเธอกับครอบครัวและชีวิตในวงการได้อย่างเห็นภาพที่สุดแล้ว และมันยังช่วยให้คนที่ไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนได้รู้จักเพลงดังของเธอได้อย่างดีเลยล่ะ
และอย่างที่บอกว่านักแสดงคนสำคัญของเรื่องอย่าง ทิลดา ค็อบแฮม-เฮอร์วีย์ และ อีแวน ปีเตอร์ส คือคอมบิเนชันที่โคตรลงตัว ขอพูดถึงอีแวน ปีเตอร์สหรืออดีตควิกซิลเวอร์จากจักรวาล X-Men ของฟ็อกซ์ที่ส่วนตัวไม่เคยมองว่าเขาแสดงหนังได้ดีเลย แต่กับI AM WOMAN ต้องบอกเลยว่าเขาสามารถสวมบท ของเจฟฟ์ วอลด์ สามีที่เป็นแรงผลักดันในช่วงแรกได้ดูอบอุ่น แต่ก็ทะเยอทะยาน ได้อย่างมีสีสันและสามารถเปลี่ยนไป สู่การเป็นปีศาจร้ายด้วยพิษของโคเคนในตอนท้ายได้ อย่างน่ากลัวมากซึ่งทำให้ผมต้องกลับมามองอีแวน ปีเตอร์สในฐานะนักแสดงคุณภาพอีกคนในวงการ
ส่วนทิลดา ค็อบแฮม-เฮอร์วีย์ นักแสดงสาวหน้าหวาน ที่พอหั่นผมสั้นแล้วสามารถกลายร่างเป็นผู้หญิงยุค 70s ได้แบบไม่ขัดเขินแต่นอกจากลุคภายนอกจะได้แล้วสิ่งที่เซอร์ไพรส์คือการแสดงทั้งสายตาและภาษากายที่เรียบน้อยแต่ส่งความหมายลึกซึ้ง มันเป็นการแสดงที่ไม่ได้เรียกร้องความสนใจแต่กลับทำให้คนดูไม่อาจวางตาจากเธอได้ และในทุกฉากที่ร้องเพลงแม้จะเป็นการ”เลียนท่า”ในเพอร์ฟอร์แมนซ์ของเฮเลน เรดดี้ตัวจริงแต่พลังการแสดงก็ทำให้ตัวตนของนักแสดงไม่ได้หายไปเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากร้องเพลงI AM WOMAN ใน MOBILIZE FOR WOMEN’S LIVES RALLY 1989 – Abortion Rights Rally หน้าอนุสาวรีย์วอชิงตันที่เธอเก็บรายละเอียดท่ายืนและจังหวะการร้องเพลงของเฮเลนก็ทำให้ฉากนี้กระทบใจคนดูได้ไม่ต่างจากฉาก Live Aid ในหนัง Bohemian Rhapsody เลยซึ่ง ก็ต้องชื่นชมการกำกับของ อันจโอะ มูน ผู้กำกับหญิงแกร่งคนเก่งที่เก็บรายละเอียดเหตุการณ์ต่าง ๆ มาถ่ายทอดได้อย่างยอดเยี่ยม
ใครที่กำลังมองหาหนังที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต เราก็ขอแนะนำให้พิจารณาเรื่อง I AM WOMAN เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรข้ามไปเลย
ทำความรู้จัก “ทรงชัย รัตนสุบรรณ” โปรโมเตอร์ขาใหญ่ ของวงการมวยไทย หากต้องพูดถึงโปรโมเตอร์มวยชาวไทย ชื่อที่แฟนๆมวยต้องรู้จักเป็นชื่อแรกๆ จะต้องมีชื่อของคุณ ทรงชัย รัตนสุบรรณ เป็นแน่
อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม : หนังบ๊อกซ์ออฟฟิศจากเกาหลี ที่พร้อมเข้าฉายวันที่ 1 ตุลาคม นี้!