พาส่องความหลากหลายของ “หนังเลสเบี้ยน” ที่น่าดูมากที่สุด

พาส่องความหลากหลายของ "หนังเลสเบี้ยน" ที่น่าดูมากที่สุด

พาส่องความหลากหลายของ “หนังเลสเบี้ยน” ที่น่าดูมากที่สุด วันนี้เราจะพาทุกคนมาชมความหลากหลาย ของเพศสภาพ ในเรื่องของความรัก ที่สุดจะลงตัว และกลายเป็นที่ยอมรับในสังคม เราจะได้เห็นถึงตัวตนมนุษย์ ผ่านภาพยนตร์ ที่น่าประทับใจจากทั่วมุมโลก

พาส่องความหลากหลายของ “หนังเลสเบี้ยน” ที่น่าดูมากที่สุด

เราจะได้เข้าถึงจิตใจที่เปี่ยมด้วยความรัก ไม่ว่าเราจะมีความรักแบบไหน เราก็จะสามารถยืนบนสังคมได้อย่างสง่างาม กับ ภาพยนตร์ที่เราจะนำมาเสนอในวันนี้

6 ภาพยนตร์เลสเบี้ยนที่น่าชมจากทั่วมุมโลก

พาส่องความหลากหลายของ "หนังเลสเบี้ยน" ที่น่าดูมากที่สุด

1.Dear Ex

 เล่าเรื่องผ่าน 3 ตัวละครหลัก คือ เกาอวี้เจี๋ย (รอย ชิว) เกย์หนุ่มนักแสดงละครเวที, หลิวซานเหลียน (เซี๊ยะ อิงชวน) มนุษย์แม่ขี้บ่น เจ้ากี้เจ้าการ และ ซ่งเฉิงซี (โจเซฟ หวง) ลูกชายของหลิวซานเหลียนที่เบื่อแม่ขั้นสุดและทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา ซึ่งทั้ง 3 คนมาเกี่ยวข้องกันโดยมี ซ่งเชิงหยวน (สปาร์ก เฉิน) เป็นคนกลาง

ก่อนจะมาแต่งงานและมีลูกกับหลิวซานเหลียน ซ่งเชิงหยวนได้คบหาอยู่กับ เกาอวี้เจี๋ย แต่แล้ววันหนึ่งก็ตัดสินใจทิ้งลูกเมียกลับมาหาคนรักชายอีกครั้ง ก่อนที่จะจากทั้ง 3 คนไปด้วยอาการป่วยพร้อมกับยกเงินประกันทั้งหมดให้ เกาอวี้เจี๋ย ทำให้หลิวซานเหลียนและลูกชายต้องตามมาทวงความเป็นธรรม

เรื่องราวใน Dear Ex ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านสถานการณ์ที่ค่อนข้างตึงเครียด จริงจัง แต่ก็ชวนขบขันอยู่ในที ขณะเดียวกันความตลกร้ายนี้ก็แฝงไว้ซึ่งประเด็นน่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยอมรับตัวเองซึ่งยึดโยงไปถึงเรื่องการเปิดกว้างของสังคม รวมทั้งประเด็นความสัมพันธ์ที่มองได้ทั้งชาย-ชาย ชาย-หญิง หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ในครอบครัว

พาส่องความหลากหลายของ "หนังเลสเบี้ยน" ที่น่าดูมากที่สุด

2.Brokeback Mountain

หนังรักสุดคลาสสิกที่ทำเอาหลายคนอยากหยิบมาดูอีกซ้ำๆ เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศกลางหุบเขาที่ซ่อนความลับในฤดูร้อนของปี 1963 ที่ความรู้สึกระหว่างสองคาวบอย แสดงโดย ฮีธ เลดเจอร์ และ เจค จิลเลนฮาล เกินเลยไปมากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะทั้งคู่รู้ดีว่าเรื่องระหว่างทั้งสองอาจเป็นไปได้ยาก ในเมื่อสังคมยุคนั้นยังไม่เปิดรับ

Brokeback Mountain ดัดแปลงบทมาจากเรื่องสั้นรางวัล Pulitzer ของนักเขียน Annie Proulx ส่วนการกำกับเป็นฝีมือของ อั้งลี่ ผู้กำกับชาวไต้หวันที่มีผลงานกำกับเรื่องอื่นๆ เช่น Sense and Sensibility (1995), Hulk (2003) และ Life of Pi (2012)

พาส่องความหลากหลายของ "หนังเลสเบี้ยน" ที่น่าดูมากที่สุด

3.Beach Rats

เรื่องราวการค้นหาตัวตนของ แฟรงค์กี้ (แฮร์ริส ดิคคินสัน) เด็กหนุ่มที่วันๆ ไม่ทำอะไร และดีแต่ออกไปเที่ยวเล่นเสเพลกับเพื่อนผู้ชาย โดยมีฉากหลังเป็นเมืองบรูคลิน นครนิวยอร์ก

นอกจากหนังจะนำเสนอสภาพสังคมสีเทาให้เราได้เห็นอยู่ตลอดทั้งเรื่องแล้ว ฉากโป๊เปลือยต่างๆ ก็อยู่เยอะพอสมควร แต่นั่นก็เป็นเพราะหนังต้องการใช้สิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์บางอย่างที่ทำให้ แฟรงค์กี้ ได้ใช้เป็นกุญแจในการหาคำตอบให้ตัวเอง ว่าแท้จริงแล้วเขามีรสนิยมทางเพศแบบไหน

The Favourite

4.The Favourite

หนังเลสเบี้ยนอิงประวัติศาสตร์ว่าด้วยเรื่องราวในรั้วในวังอังกฤษช่วงต้นศตวรรษที่ 17 เมื่อสมเด็จพระราชินีแอนน์ (โอลิเวีย โคลแมน) ต้องตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งการเมืองและเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อันเป็นเส้นเรื่องหลัก

เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ซาราห์ (เรเชล ไวสซ์) หญิงคนสนิทของพระราชินี ผู้เป็นทุกอย่างให้พระองค์แล้ว ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องในวัง นอกวัง รวมถึงเรื่องบนเตียง ได้พา อบิเกล (เอ็มมา สโตน) ญาติห่างๆ ซึ่งเป็นผู้ดีตกอับเข้ามาเป็นหญิงรับใช้ในวัง แต่ด้วยความทะเยอทะยานและอยากขึ้นไปอยู่ในสังคมชั้นสูง (อีกครั้ง) อบิเกลจึงใช้มารยาหญิงลวงล่อให้พระราชินีลุ่มหลงถึงขั้นยอมขับไล่ไสส่งซาราห์ออกจากวังและยกเธอขึ้นไปแทนที่

ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ ยอร์กอส ลานธิมอส ผู้กำกับสายอินดี้ที่มีสไตล์อันโดดเด่น สิ่งที่คนดูได้จึงมีมากกว่าความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็น การเสียดสีนักการเมืองเลวผ่านตัวละครขุนนางที่ไม่เคยเหลียวแลความทุกข์ร้อนของประชาชน การสะท้อนความต่ำตมที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไปแม้ในสังคมชั้นสูง รวมถึงงานสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา

Love, Simon

5.Love, Simon

ภาพยนตร์ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง Simon vs. the Homo Sapiens Agenda โดย Becky Albertalli เล่าชีวิตของ ไซมอน เด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไปที่มีครอบครัวสมบูรณ์ และเพื่อนไฮสคูลที่น่ารัก มีความลับเพียงข้อเดียวคือ เขาไม่เคยบอกใครว่าเป็นเกย์เท่านั้นเอง แต่ไซมอนก็มีเพื่อนที่ให้เขาระบายความรู้สึกที่ต้องปิดบังตัวตน นามว่า Blue (บลู) โดยที่ทั้งสองพูดคุยกันผ่านอีเมลทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวตนอีกฝ่าย และในภาพยนตร์จะชวนให้เราอยากรู้ว่าคนไหนกันแน่ คือบลูที่ไซมอนคุยด้วยผ่านอีเมลลับๆ เหล่านั้น

The Danish Girl

6.The Danish Girl

สร้างจากเรื่องจริงของ ไอนาร์ เวเกเนอร์ (เอ็ดดี เรดเมน) จิตรกรชื่อดังชาวเดนมาร์ก และ เกอร์ดา (อลิเซีย วิกันเดอร์) ภรรยาซึ่งเป็นจิตรกรเหมือนกัน แต่ยังหาแนวทางของตัวเองไม่เจอทำให้ผลงานไม่เป็นที่ยอมรับ ทั้งคู่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ชีวิตครอบครัวก็ดูปกติดี แม้จะมีเรื่องที่ไม่เข้ากันอยู่บ้างตรงที่ ไอนาร์ ไม่ชอบออกงานสังคม เพราะไม่อยาก ‘สวมบทเป็นตัวเอง’ ต่อหน้าใคร

ปัญหาของเขาและเธอ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันหนึ่ง เพื่อนของ เกอร์ดา ไม่ว่างมาเป็นแบบให้เธอวาด เธอจึงขอให้ไอนาร์แต่งหญิงเป็นแบบแทน นั่นเป็นครั้งแรกที่ไอนาร์สัมผัสได้ถึงความรู้สึกส่วนลึกที่แท้จริงของตัวเองที่กระซิบบอกอยู่ตลอดเวลาว่า เขาเกิดมาเพื่อเป็นผู้หญิง ที่ทุกคนรู้จักในชื่อ ‘ลิลี่’ ในเวลาต่อมา

จากวันนั้นไอนาร์ก็ได้สวมบทเป็นลิลี่บ่อยครั้ง ทั้งไปออกงานคู่เกอร์ดา โดยบอกทุกคนว่าเป็นญาติของไอนาร์ รวมถึงเป็นนางแบบให้เกอร์ดาวาดจนผลงานของเธอโด่งดังในที่สุด แล้วลิลี่ก็เริ่มมีตัวตนชัดเจนขึ้นจนไอนาร์ไม่สามารถกลับไปทำหน้าที่สามีได้

และทั้งหมดนี้ ก็เป็น 6 หนังเลสเบี้ยนที่เราต้องไปหาชม เพื่อความสุนกสนานและความเข้าใจ ว่า การที่เราจะมีความรัก ไม่จำเป็นที่จะต้องมีความรัก ที่ตรงเพศ เพราะไม่ว่าเราจะเป็นเพศไหนๆ เราก็สามารถรักกันได้ โดยที่ไม่มีข้อจำกัดอะไรสักอย่าง

ซีรี่ย์ไทยที่น่าจับตามอง ในปี 2021 นี้ มีเรื่องไหนกันบ้าง เพราะละครเรื่องใหม่ๆ ถูกเสิร์ฟออกมาให้ผู้ชมอย่างเราๆ ได้คอยติดตามกันเป็นจำนวนมาก มาดูกันว่าแต่ละค่าย แต่ละช่องนั้น จะงัดไม้เด็ดและกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อมาเอาใจคนดูอย่างไรนั้น ก็อย่าลืมไปติดตามชมกันนะคะ

การป้องกันตัว หนึ่งวิชาที่สามารถพัฒนาศักยภาพตัวเองได้ และทำให้ผู้ฝึกเป็นคนที่ดีขึ้นจากคุณค่าที่พวกเขาได้รับทั้ง ความซื่อสัตย์, อ่อนน้อมถ่อมตน, การให้เกียรติ, ความเคารพ, ความกล้าหาญ ทั้งหมดนี้เป็นอีกหนึ่งพื้นฐานที่เราต้องมีไว้เพื่อเป็นการป้องกันตัวในยามที่จำเป็น